"But love is blind, and lovers cannot see
The pretty follies that themselves commit,
For if they could Cupid himself would blush
To see me thus transformèd to a boy"
— William Shakespeare
I can’t think of any better city but Venice when it comes to ‘love’. Venice is beautiful. It is beautiful in the morning, beautiful in the evening, and beautiful in the night. I have been to many beautiful places but there is no place like Venice. This city is magical and unique. Here I bring you a few reasons why.
เวนิสเป็นสถานที่ที่ลอยเข้ามาในความคิดทุกครั้งเวลาที่เรานึกถึงความรัก เวนิสสวยเหมือนต้องมนต์ ไม่ว่าจะในตอนเช้า ตอนบ่าย หรือตอนกลางคืน เราได้มีโอกาสได้ไปหลายๆเมือง ในหลายๆประเทศ แต่ไม่มีที่ไหนเหมือนเวนิส และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เราคิดอย่างนั้น...
Once you arrived in the city you would notice that people don't use cars, either they walk, or they use boats, waterbuses, or even gondolas. This is because of Venice is situated in a hundred of small islands separated by canals and linked by bridges. So the streets are certainly too narrow and small for cars, this includes the world's narrowest street named Calletta.
1. ในเวนิสไม่มีรถยนต์สักคัน
เรารู้ทันทีว่าเราอยู่เวนิสแล้วทันทีที่มองไปทางไหนก็จะเจอตึกอาคาร สะพาน คลอง ผู้คนเดินขวักไขว่ แต่ไม่เจอรถยนต์เลย นั่นเพราะเวนิสคือเมืองที่ประกอบไปด้วยเกาะเล็กๆนับร้อยเกาะ โดยมีสะพานเล็กใหญ่เชื่อมมันเข้าด้วยกัน เพราะฉะนั้นถนนที่นี่ส่วนมากจะเป็นถนนที่เล็กและแคบเกินไปสำหรับยานพาหนะอย่างรถยนต์(Calettaหรือถนนที่แคบที่สุดในโลกก็ตั้งอยู่ในเวนิสนี่แหละ) ชาวเวนิสและนักท่องเที่ยวจึงต้องใช้เรือในการเดินทางไปในส่วนต่างๆของเมือง
This fact is kind of a historical thing but it is interesting because back in time Venice was a country called the Republic of Venice and was run by the councils while the rest of Europe was run by the kings and the Vatican. It was pretty much powerful economically that people of nowadays can still see the legacies such as the novel 'The Merchant of Venice', as well as its architecture, palaces, and the cost of living is very high that they say it is easier to leave than to stay in Venice.
2.เวนิสเคยเป็นประเทศมาก่อน
เวนิส หรือมีชื่อว่าสาธารณรัฐเวนิสในสมัยก่อน เคยเป็นประเทศเจริญรุ่งเรืองและมีอำนาจมากๆเพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์การค้า ในขณะที่ประเทศอื่นๆในยุโรปถูกปกครองด้วยกษัตริย์และวาติกัน เวนิสกลับมีการปกครองโดยสภา ความมั่งคั่งของเวนิสยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันตามสถาปัตกรรม คฤหาสน์หรูหรา และวรรณกรรมเรื่องเวนิสวาณิช รวมถึงค่าครองชีพที่สูงมากๆๆ มีคนเคยพูดไว้ว่าย้ายจากเวนิสแล้วไปอยู่ที่อื่นยังง่ายซะกว่าการที่ต้องอาศัยอยู่ที่นี่
3. Venice is flooded every year.
In winter, when Acqua Alta arrives, Venice falls under 1-2m of water. This means the flood could be higher than a man! This is one of the phenomenon Venice faces every year, some also say that Venice is sinking every year and within a century it can possibly gone. However, during those days, while most of the people find it troublesome, you can also spot those who enjoy drinking coffee with their half of their legs are under the water.
3. น้ำท่วมเวนิสทุกปี
ในช่วงหน้าหนาวของทุกปีจะเกิดปรากฏการณ์ Acqua Alta ทำให้เวนิสจมอยู่ในน้ำลึกประมาณ 1-2 เมตร(ระดับน้ำสามารถสูงกว่าคนซะอีก!) ปรากฏการณ์นี้เองเป็นเหมือนกับสัญญาณเตือนว่าเวนิสกำลังจมลงสู่ทะเลเรื่อยๆ และภายในอีกร้อยปีอาจถูกกลืนหายไปถ้ายังไม่ได้รับการแก้ไข ในช่วงเวลานั้นสร้างปัญหาให้กับชาวเวนิสมากๆ แต่ในอีกฟากหนึ่งเรายังสามารถเห็นกลุ่มคนตั้งโต้ะนั่งเสวนา ดื่มกาแฟโดยขาทั้งสองข้างแช่อยู่ในน้ำอย่างสบายใจก็เป็นได้
4. The water isn't that BLUE but it isn't polluted neither.
I decided to add this fact even though it may sound a little but odd to somebody. But this is what I want people who probably misunderstand, or don't know, that you cannot expect the water in the CANALS to look clear blue like the water in OCEANS because they are absolutely different things. I have seen some argued that the water must be polluted not better than those in the canals in Bangkok. Dear friends, that is NOT true!!
4. น้ำในคลองอาจจะไม่ได้เป็นสีฟ้าแต่ไม่ได้แปลว่าสกปรก
เราตัดสินใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้ถึงแม้ว่าอาจจะฟังดูแปลกๆไปหน่อย เพราะว่าเราเห็นว่ายังมีคนไม่รู้หรืออาจเข้าใจผิด ว่าน้ำในเวนิสเป็นสีขุ่นเพราะเป็นน้ำสกปรกเหมือนน้ำคลองในกรุงเทพ แต่ความจริงแล้วถึงน้ำในเวนิสจะไม่ได้สะอาด 100% แต่ก็ไม่ได้สกปรกอย่างที่คิด เพราะมันคือน้ำคลอง/แม่น้ำ ซึ่งไม่มีทางเป็นสีฟ้าใสได้เหมือนน้ำทะเลอยู่แล้ว
5. Bridge of Sigh legend
Gondolas absolutely make everything which is romantic already, becomes hopeless romantic. There is a legend says that at the sunset, if lovers riding in gondola kiss under the Bridge of Signs, the most famous bridge of Venice, they will remain in love forever. Note: Riding a gondola can cost you like 80 euro(3000 baht) for a 40-minute ride and becomes more expensive if you want to ride at the evening.
5. ความเชื่อเกี่ยวกับสะพานถอนหายใจ
เรือกอนโดลาคือไฮไลท์สำหรับนักท่องเที่ยวในการมาเยือนที่นี่ แม้แค่เดินเล่นในเมืองก็โรแมนติกมากแล้ว แต่การได้นั่งเรือกอนโดลาชมเมืองนี่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูโรแมนติกมากขึ้นไปอีก มีความเชื่อว่าถ้าคู่รักจุมพิศกันตอนพระอาทิตย์ตกดินระหว่างนั่งเรือกอนโดลา ที่ใต้สะพานถอนหายใจนี้ ทั้งคู่จะครองรักกันไปตราบนานเท่านาน ยังไงก็ตามการนั่งเรือกอนโดลานั้นมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยเริ่มต้นที่ 80 ยูโรหรือประมาณ 3000 กว่าบาทไทยสำหรับการชมเมือง 40 นาที และราคาจะสูงขึ้นอีกถ้าใช้บริการในตอนเย็น
I aware that I might put too many pictures here but I couldn't cut any picture out anymore because each one shows different parts of Venice and I'd love to share it to you all so that you get to know this city a little but more. I know that probably Venice is on the top list of every couple out there, if not, I wish it is. Couples, and even singles should once visit this city, I promise you won't regret.
เราใส่รูปไปค่อนข้างเยอะเพราะเราเห็นว่ารูปแต่ละรูปแสดงให้เห็นถึงเวนิสในหลายๆมุม หลายๆช่วงเวลา รูปถ่ายเหล่านี้อาจทำให้หลายๆคนรู้จักสถานที่แห่งนี้มากขึ้น เวนิสเป็นเมืองที่น่าจะอยู่ในลิสต์ที่คู่รักแทบทุกคู่อยากมาเยือน หรือถ้าไม่อยู่ เราก็หวังว่าพวกเขาจะเพิ่มมันเข้าไปในลิสต์ เพราะไม่ว่าจะเป็นคนโสดหรือคนมีคู่ เมืองแห่งนี้ก็ล้วนมีค่าต่อการมาเยือนทั้งนั้น เชื่อเราสิ เวนิสไม่เคยทำให้ใครผิดหวังหรอก
X
T. Mind R.
No comments:
Post a Comment